วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ตร.รู้ตัวคนร้าย ใช้มีดจี้คอชิงเงินครึ่งแสนสองผัวเมียแล้ว


ตร.รู้ตัวคนร้าย ใช้มีดจี้คอชิงเงินครึ่งแสนสองผัวเมียแล้ว


            รองโฆษก ตร.เผย ตำรวจบางเขนรู้ตัว 2คนร้ายใช้มีดจี้คอชิงทรัพย์เงินครึ่งแสนของสองผัวเมียแล้ว

             พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงตามสื่อได้นำเสนอข่าว เมียเพิ่งกดเงินให้ผัวครึ่งแสน หายขึ้นรถไป 10 นาที วิ่งกลับมาบอกโดนปล้น มีดจี้คอ ว่า ได้รับรายงานจาก สน.บางเขน ว่า เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 เวลาประมาณ 21.00 น. พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งเหตุคนร้ายปล้นเงินผู้เสียหาย เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ถนนเทพรักษ์ แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพฯ หนักงานสอบสวนพร้อมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อเดินทางถึง ได้พบหญิงรายหนึ่ง อายุ 40 ปี และชาย อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นสามีและภรรยากัน โดยจากการตรวจสอบทราบว่า หญิงรายดังกล่าว เป็นคนโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าสามีของตน ถูกคนร้ายเป็นชาย 3 คน ปล้นเอาเงินของตนที่พึ่งกดไปให้สามีไปจำนวน 41,000 บาท

              ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าชายที่เป็นสามีได้กล่าวอ้างว่า ตนทำงานเป็นกรรมกรก่อสร้างได้ขับรถจักรยานยนต์ออกมา ณ จุดเกิดเหตุ และได้ให้ภรรยามากดเงินให้ตามจำนวนดังกล่าวเพื่อนำไปซื้อรถจักรยายนต์มือสองและได้โทรหาเพื่อนที่รู้จักกันจากการทำงานกรรมกรก่อสร้างให้มารับเพื่อกลับไปทำงานที่แคมป์ก่อสร้าง โดยหลังจากที่ได้รับเงินจากภรรยาแล้ว ตนจึงได้ขึ้นรถไปกับเพื่อน ซึ่งภายในรถมีผู้ชายอีก 3 คน หลังจากขึ้นรถยนต์ได้สักพัก ชายที่นั่งด้านหลังตนได้ใช้มีดจี้ที่คอ และค้นเอาเงินสดที่ภรรยาตนพึ่งจะกดให้ไป แล้วไล่ตนลงจากรถยนต์และหลบหนีไป จึงได้มาแจ้งเรื่องให้ภรรยาทราบ



                รอง โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ขณะนี้เจ้าหน้าตำรวจทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว จำนวน 2 ราย ประกอบกับสามารถติดตามรถยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุได้แล้ว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการเร่ง สืบสวนสอบสวน ขยายผล รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป พร้อมดำเนินการด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

                 ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานด้วยความรวดเร็ว เป็นธรรม และถูกต้องตามกฎหมาย สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน